James Bond 007

พอดูไปได้ครึ่งเรื่องเราเริ่มไม่มั่นใจกับเซนส์ในการดูหนังของตัวเองว่าตกลงหนังมันไม่ค่อยโอเคหรือเราไม่พร้อมกับตัวหนังกันแน่ แต่พอหนังจบแล้วได้พูดคุยกับคอหนังและแฟนเจมส์ บอนด์ก็คิดเหมือนๆกันว่า หนังภาคนี้มันเต็มไปด้วยรอยแผลของความไม่ลงตัว ขาดล้น เยอะเกิน ในหลายช่วงหลายตอนของหนัง

ประการแรกเลยคือบทหนังค่อนข้างจะมีปัญหา และเป็นปัญหาใหญ่มากเพราะมันหยิบองค์กรสเปคเตอร์ที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นองค์กรกิมมิคเจ้าคิดเจ้าแค้นกับบอนด์มาตั้งแต่ยุคบอนด์สมัยฌอน คอนเนอร์รี่เลยก็ว่าได้ แถมยังมีบทบาทในหนังหลายต่อหลายภาค แต่การเอาองค์กรนี้กลับมาในหนังกลับใช้ประโยชน์จากความเป็น “องค์กร” ได้ไม่คุ้มค่าเพราะสิ่งที่ปรากฏใน Spectre คือ “ตัวแทนยิ่งไปกว่านั้นถ้ามองในองค์รวมแล้ว เมื่อเราได้เห็นการ “ชักใย” ขององค์กรสเปคเตอร์ที่หนังพยายามอธิบายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นความอ่อนด้อยของบทที่ไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้เลยว่าองค์กรนี้มันแข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น มีพันธมิตรในโลกเป็นเครือข่าย (แค่ฉากโต๊ะประชุมก็ดูตลกและตรรกะล่มมากแค่ไหนกับการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย (คนที่ดูหนังแล้วคงเข้าใจว่าฉากนี้เกิดอะไรขึ้น))

Jurassic world 2

หนังเปิดเรื่องมาเหมือนจะเอาภาค The Lost World มาตั้งเป็นแกนหลัก โดยการอพยพไดโนเสาร์ทั้งหมดมาสู่สังคมเมือง ซึ่งเนื้อเรื่องช่วงแรกก็ตามสูตรของ Jurassic เลย มีความสนุกตื่นเต้นในแบบของหนัง Adventure ผจญภัยตลอดเวลา ตั้งแต่เข้าสู่เกาะจนถึงช่วงที่ขึ้นเรืออพยพออกจากเกาะ หนังจัดไดโนเสาร์มาเป็นร้อยๆ ตัว เรียกว่าเต็มจอจนดูแทบไม่ทัน อลังการมากหนังเดินเรื่องเข้าสู่ช่วงที่สอง หนังเริ่มใส่อะไรเข้ามาในเนื้อหาค่อนข้างผสมปนเปเต็มไปหมด เริ่มจากเรื่องราวของการทดลองผสมข้ามสายพันธุ์ เรื่องของดราม่าระหว่างปู่กับหลานที่ดันมีองค์ประกอบของการกระทำบางอย่างให้ผมรู้สึกตลกมากกับส่วนนี้ (ไปดูเอง) หรือแม้แต่เรื่องความผูกพันระหว่างคนกับไดโนเสาร์ ซึ่งสิ่งต่าๆ เหล่านี้หนังไม่ได้ไปให้สสุดทาง มันดูยังไม่ได้ทำให้อินได้อย่างเต็มที่

Spiderman homecoming

อาจจะเป็นเพราะบุคลิก character ของตัว Tom Holland ที่ดูท่าทางค่อนข้างจะเป็นตัวป่วน และตัวปัญหาอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ Jon Watts ในฐานะผู้กำกับเลยแทบไม่ต้องเร่ง หรือเค้นอะไรเอาจาก Holland มากนักในบทบาท Spidey นี้ ทำให้ทั้งบุคลิก character และภาพจำของ Spider-Man ในเวอร์ชั่นนี้สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างใกล้เคียงกับในเวอร์ชั่น animation (ที่กวนโอ๊ย)เอามากๆ ไม่ว่าจะบทพูด หรือ ลักษณะท่าทางการพูด คำพูดคำจา ต่างๆ (ขณะที่ใส่ชุดไอ้โม่งแดงออกปฏิบัติการ) ในแบบฉบับที่หาไม่ได้เลยในเวอร์ชั่นlive-action จำนวน 5 ภาคที่เคยทำออกมาโดยสตูดิโอของ Sony
คืออารมณ์ขันและมุขต่างๆที่แทรกมาในเรื่องนี้จึงถือว่าผ่าน อย่างสวยงาม  แม้ว่าในบางมุมแล้วมุขอาจจะเหมือนถูกใส่มามากเกินไปก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้ความขำขัน ความเป็นตัวป่วนของ Holland จะช่วยสร้างสีสันให้กับ Peter Parker และ Spidey ในฉบับนี้ แต่เมื่อถึงเวลาในฉากที่ต้องดราม่า เคร่งเครียด หรือ จำเป็นต้องอยู่ในโหมดจริงจัง ตัว Holland เองก็กลั่นมันออกมาได้ดี คือ ฉากซีนที่ Parker ถูกกดดันจากตัวร้ายผ่านทางคำพูด สีหน้า แววตา และรอยยิ้มนั้น Holland ก็แสดงมันออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้า ทำตาแบบสะอึกกับความกลัว การพูดเริ่มพูดแบบตะกุกตะกุก แววตาของความกวนเกรียนเริ่มหายไป เมื่อตัวร้าย รู้ตัวว่า Peter Parker คือ Spider-Man ด้วยการเดาออกง่ายๆเมื่อเจอหน้ากันเพียงครั้งแรก และจากการพูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค

 

The Meg

นอกจากจะมีฉลามยักษ์เป็นจุดขาย แล้วก็ยังมีเจสัน สตาแธม ถูกใช้เป็นชื่อขาย เจสันห่างหายจากหน้าจอไปนานพอควร หลังจาก The Fate of the Furious ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็เพิ่งมีเรื่องนี้ล่ะ เขารับบทเป็นโจนาส เทย์เลอร์ กับอาชีพใหม่ที่เรา ๆ เพิ่งเคยเห็นกันคือ นักกู้ภัยทางทะเลลึก หนังมาตามสูตรพระเอกฮีโร่เป๊ะ ด้วยการเปิดเรื่องให้เห็นวีรกรรมของโจนาสในอดีต ที่เขาเคยมีตราบาปฝังใจช่วยชีวิตผู้ประสบเคราะห์ในเรือ

ดำน้ำอับปางได้ไม่ครบทุกชีวิต และหนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมทีมของเขา ตามฟอร์มของพระเอกฮีโร่ โจนาสหนีไปปลีกวิเวกเป็นเวลานาน

Avengers infinity war

เนื้อเรื่องย่อของ Infinity War “เหล่าอเวนเจอร์ยังคงต้องปกป้องโลกจากภัยอันตรายครั้งใหญ่ที่เกินกว่าที่ซุปเปอร์ฮีโร่คนเดียวจะรับมือได้ อันตรายครั้งใหม่นั้นมาจากเงามืดของจักรวาล ‘ทานอส’

จอมเผด็จการแห่งจักรวาล เป้าหมายของเขาคือการรวบรวมอัญมณี อินฟินิตี้สโตนส์ทั้งหก เพื่อครอบครองพลังที่เกินจะจินตนาการถึง และใช้พวกมันในการเปลี่ยนแปลงความจริงทั้งมวลของจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างที่อเวนเจอร์ต่อสู้มาก็เพื่อสิ่งนี้ ชะตากรรมของโลกและจักรวาลไม่เคยสั่นคลอนเท่านี้มาก่อน..

Make a decision what is the fine arts or literature, etc. With the knowledge that should be trusted beauty or sounded like coming?, such as his that this book shows very well in current social issues deserve rewards, feedback is often used the full word for such people see the movie critics criticize that this movie is a slow affair, make people look tired.

Design a site like this with WordPress.com
Get started